ส.ค. 02, 2025, 12:23 PM

ข่าว:

แหล่งรวมประสบการณ์เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นของทุกคน


กระทู้ล่าสุด

หน้า 1 2 3 4 5 6 7
31
การกระทุ้ง (Healing Crisis หรือ Health Challenge)
   ท่านที่กำลังกินสมุนไพร โดยเฉพาะสมุนไพรสูตรตำรับที่มีส่วนผสมของสารสกัดคาวตองฯ(ภาษากลางเรียกชื่อคาวตองฯ) ที่ผมได้ทำการศึกษามานานนี้ว่า ในขณะที่ท่านกิน สูตรตำรับที่มีสารสกัดคาวตองฯ อยู่ และคนส่วนใหญ่มักเกิดภาวะเยียวยาหรือวิกฤติก่อนหายหรือภาษาพื้นบ้านก็เรียกว่าการกระทุ้ง(Healing Crisis หรือ Health Challenge) ท่านจะปฏิบัติตัวอย่างไร เพื่อให้สามารถทนอยู่กับภาวะเยียวยาหรือการกระทุ้งได้ตลอด จนอาการป่วยที่ท่านเป็นอยู่ดีขึ้น พร้อมกับร่างกายกลับมาเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง นับว่าผมโชคดีกว่านักวิจัยหลายๆท่านที่ผมมีโอกาสออกเดินทางไปแทบทุกจังหวัดของประเทศไทย ตลอดจนประเทศเพื่อนบ้านเช่น สปป.ลาว มาเลเซียและกัมพูชา ได้ไปพบกรณีศึกษาที่น่าสนใจจำนวนมากนับหมื่นคน  ที่ทีมงานได้ประสานงานไว้ล่วงหน้าเพียงแต่ไม่มีเวลาเดินทางไปให้ทันตามจำนวนที่ทีมงานในพื้นที่เตรียมไว้ ทำให้มีโอกาสบันทึกเทปเสียงไว้ไม่ถึง 2 พันรายเท่านั้นเอง แต่จากจำนวนกรณีศึกษามากกว่าพันราย ก็ทำให้ผมได้มองเห็นอีกมิติหนึ่งของสังคมเช่น วิถีชีวิตที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถเดินทางจากที่บ้านที่อยู่ห่างไกลมารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาลได้ ทำให้อาการของโรครุนแรงกว่าที่เราเคยพบในเมืองใหญ่ ตลอดจนคนไข้จำเป็นต้องขวานขวายหาที่พึ่งทุกอย่างที่พอจะนึกได้มาช่วยเหลือตัวเอง มิติในความคิดจิตใต้สำนักที่เป็นมุมมองต่อระบบการรักษาของการแพทย์แบบแผน มิติของความหลากหลายของโรคแปลกๆและการสะสมอมโรคในผู้ป่วยคนเดียวจนไม่คิดว่าจะมีใครที่ป่วยด้วยโรคมากมายหลายชนิดเช่นป่วยด้วย 12 โรคในคนเดียวและในเวลาเดียวกัน ซึ่งแม้แต่เราก็ยังนึกไม่ออกว่าจะหาปัจจัยมารักษาตัวเองให้หายขาดทุกโรคได้อย่างไร เนื่องจากบางโรคตำราทางการแพทย์ยังเขียนระบุไว้ชัดเจนว่า รักษาให้หายขาด(No cure)ไม่ได้  และเรื่องสำคัญที่ผมไปบันทึกข้อมูลไว้อีกประการหนึ่งที่เรียกได้ว่า มีนักวิจัยน้อยคน ที่ได้พบและศึกษาเรื่องนี้ไว้ก็คือ "การกระทุ้งโรค" หรือ Healing Crisis ที่บังเอิญผู้ที่กินสมุนไพรคาวตองฯสูตรต่างๆที่ผมพัฒนาการผลิตวัตถุดิบเกือบทั้งหมด จะเกิดการกระทุ้งโรคนำมาก่อน แล้วโรคที่เขาเป็นอยู่ก็ค่อยๆบรรเทาลง การกระทุ้งที่พบเห็นก็มีลักษณะหลากหลายไป หรือแม้กระทั่ง มีการกระทุ้งหลายรอบ แล้วพยาธิสภาพของผู้ป่วยก็ลดลงเรื่อยๆมีจำนวนหลายราย จนผมเองรู้สึกกลัวหรือตื่นเต้นหรือสนุกไปกับงานที่พบมามากๆ ในบทความตอนการกระทุ้งโรคตอนนี้ ผมจะได้รวบรวมกรณีศึกษาของผู้ป่วยหลายๆรายที่ป่วยด้วยโรคต่างๆ และเมื่อกินสมุนไพรคาวตองฯไปแล้ว เกิดการกระทุ้งโรคและเมื่ออาการกกระทุ้งโรคผ่านพ้นไป โรคที่เป็นอยู่ก็ค่อยๆดีขึ้น มาเล่าสู่กันฟังให้เป็นเหมือนตำนานอย่างหนึ่งในวงการแพทย์ก็น่าจะได้
ในบทความชื่อ Integral Healthcare** พูดถึงการแพทย์ทางเสริมในขณะที่การแพทย์ที่อาศัยเทคโนโลยีก้าวหน้าในวงการแพทย์ว่า ทำให้ติดขัดต่อสุขภาพของความเป็นมนุษย์ ที่จะมีอะไรอื่นที่นอกเหนือจากการตรวจค่าทางเคมี ชีววิทยาของร่างกาย มันควรจะรวมกับเรื่องของอารมณ์ จิตใจ และจิตวิญญาณเข้าไปด้วย ในความท้าทายนี่เองที่การแพทย์ทางเสริมที่รวบรวมเอาองค์ความรู้มากมายมหาศาลตั้งแต่เคสกรณีศึกษา รูปแบบต่างๆทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เช่น  American Holistic Medical Association (AHMA) ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้นำที่ให้การสนับสนุนผู้ที่ให้บริการการแพทย์แบบองค์รวม หรือการแพทย์ทางเสริม หรืออีกองค์กรหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้ข้อมูลแก่ผู้ให้บริการการแพทย์ทางเลือกหรือทางเสริมก็คือ  National Center for Complementary and Alternative Medicine (NCCAM) และ National Library of Medicine (NLM) ที่ให้ความรู้ผ่านเว็บไซด์ของ PubMed เป็นต้น รูปแบบทั้งหลายนี้ก็มุ่งหน้าเดินสู่แนวทางหลากหลายของการแพทย์องค์รวมตลอดศตวรรษที่ 21 นี้เป็นต้นไปเลยทีเดียว
32
ปัจจุบันมีการพูดถึง การสร้างภูมิคุ้มกันด้วยโปรไบโอติกส์มากขึ้น
    ในปัจจุบันมีเชื้อไวรัสมากมาย มีการกลายสายพันธุ์มีเชื้อไวรัสสายพันธ์ใหม่ออกมาเรื่อยๆ การมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงจึงเป็นสิ่งสำคัญ
การรับวัคซีนเฉพาะโรคอาจไม่ทันการ เพราะเชื้อโรคมีมากมายหลายแบบ ผู้คนเริ่มมาให้ความสำคัญกับการสร้างภูมิคุ้มกันด้วยโปรไบโอติกส์
เพื่อปกป้องร่างกายไม่ให้ก่อโรคต่างๆ เพราะต้องการที่จะใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่นั้นเอง
  โปรไบโอติกส์ เป็นจุลินทรีย์ที่มีชีวิตที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของคนและสัตว์ เป็นจุลินทรีย์สุขภาพที่ได้รับการคัดเลือกแล้วว่าดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย
โดยปกติในลำใสของเรามีจุลินทรีย์อยู่กว่าแสนพันล้านตัว มีมากกว่า 500 สายพันธุ์ แบ่งแบบง่ายๆ คือ จุลินทรีย์ตัวดี ที่มีประโยชน์กับร่างกาย
และจุลินทรีย์ตัวที่ไม่ดีสามารถก่อโรคให้เราได้ โดยปกติร่างกายของเราจะปรับสมดุลย์ ให้ต้วที่ดีมีมากกว่าตัวที่ไม่ดี แต่ถ้าร่างกายมีปัจจัยต่างๆ มากระทบเช่น..
เจ็บป่วย ติดเชื้อ เครียด พักผ่อนน้อย กินยาปฏิชีวนะ ก็จะส่งผลให้จุลินทรีย์ตัวดีลดลง ตัวที่ไม่ดีเจริญเติบโตมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาได้
การรับประทานโปรไบโอติกเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเพิ่มจุลินทรีย์ตัวดีให้แก่ลำใส้ เพื่อไปยับยั้งการเจริญเติมโตของจุลินทรีย์ตัวที่จะก่อโรค
และไปช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆ ในระบบทางเดินอาหารของเราได้ ปกติ 70% ของระบบภูมิคุ้มกันอยู่ที่ระบบทางเดินอาหาร
และที่สำคัญโปรไบโอติกส์ยังช่วยย่อยอาหาร ช่วยปรับสมดุลย์การขับถ่าย แก้ปัญหาทองอืด แก้ท้องเสีย
  โพรไบโอติกคือจุลินทรีย์ชนิดดีที่มีอยู่ในอาหารตามธรรมชาติ เช่น โยเกิร์ต, นมเปรี้ยว, ปลาร้าที่มีการหมักแบบโบราณ, ผักดองที่มีการหมักดองจริงๆ,
และอีกอย่างที่ชอบพูดถึงกันคือน้ำหมักชีวภาพ อย่างน้ำหมักคาวตอง เป็นต้น

  อีกอย่างหนึ่งที่ผู้คนชอบกล่าวถึงคือ.. การทำงานของสเต็มเซลล์ ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ตามหลักแล้วระบบการซ่อมแซมอวัยวะที่สึกหรอ
จะมีหน่วยผลิตสเต็มเซลล์ในร่างกายออกมาซ่อมแซม หรือเปลี่ยนเป็นเซลล์นักฆ่าเมื่อเจอเซลล์ที่ไม่ดีในร่างกาย เช่น.. กำจัดเซลล์มะเร็ง เนื้องอก เซลล์ที่มีไวรัสต่างๆ เป็นต้น
แล้วสร้างเซลล์ใหม่ที่ดีขึ้นมาทดแทน เมื่อร่างกายมีอายุมากขึ้น มีเซลล์ที่สึกหรอมากขึ้น แต่การผลิตสเต็มเซลล์ในร่างกายทำได้น้อยลง ไม่เพียงพอ
 จึงมีความจำเป็นต้องการกระตุ้นไขกระดูกให้ผลิตสเต็มเซลล์มากขึ้น ที่พูดถึงบ่อยๆ ก็คือการรับประทานเบต้ากลูแคน เพื่อกระตุ้นไขกระดูกให้ผลิตสเต็มเซลล์มากขึ้น
  เบต้ากลูแคน เป็นสารสกัดที่สามารถพบได้จากหลายๆ แหล่งตามธรรมชาติ เช่น ธัญพืช อย่าง ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เล่ย์ หรือเชื้อรา อย่าง เห็ด ยีสต์ เป็นต้น
แต่ที่เคยได้ยินว่าพลูคาวหรือคาวตองมีสารเบต้ากลูแคนนั้น ส่วนมากจะเกิดจากผนังยีสต์ จุลชีพที่เกิดขึ้นในขบวนการหมักพลูคาวตามกรรมวิธีการที่ถูกต้อง
การพิสูจน์ผลิตภัณฑ์คาวตองคือ ให้คนที่เป็นเบาหวานกิน ถ้าเบต้ากลูแคนทำงานได้ สามารถกระตุ้นไขกระดูกให้ผลิตสเต็มเซลล์มากขึ้นได้
ก็จะสามารถซ่อมแซมตับอ่อนให้กลับมาผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ปกติ อาการเบาหวานก็จะค่อยๆ หายไปเป็นต้น

คำเตือน : บทความนี้เป็นการเล่าสู่กันฟังใช้ภาษาแบบชาวบ้าน ชาวบ้านเท่านั้น ไม่สามารถนำไปเป็นข้อมูลอ้างอิงได้

เมื่อก่อนทุกคนจะคุ้นเคยกับไข้หวัด ทุกคน เป็นไข้ เป็นหวัด เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ปัจจุบันไวรัสไข้หวัดมีมากมาย ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไวรัสไข้หวัดนก ไวรัสอีโบลา ไวรัสโคโรนา
ไวรัสโควิด-19 หลายสายพันธ์ สายพันธุ์เดลตาพลัส สายพันธุ์โควิดแลมบ์ดา
สายพันธุ์โควิดเอปซิลอน สายพันธุ์โควิดโคลอมเบีย สายพันธุ์โอไมครอน
ก็ไม่รู้ว่าจะมีสายพันธุ์ใหม่ๆ อะไรเกิดขี้นมากอีก ในยุคนี้ต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเสมอ
การดูแลสุขภาพตัวเองจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

คาวตองแมค
33
ช่วงนี้มีแต่คนถามเรื่องอาการปวด
อาการปวดหลัง ปวดเอว ปวดเข่า ปวดข้อเท้า ปวดสะโพกร้าวลงขา
กินยาอะไรถึงจะหาย ก่อนจะตอบคำถาม
มีอาการหนึ่งจะเล่าก่อน อาการเจ็บปวดแป็บๆ ตามผิวหนัง
ตามปลายนิ้ว จับตรงไหน เจ็บปวดตรงนั้น
อาจเป็นปลายประสาทอักเสบนะครับ
ให้ทานอาหารเสริมพวกวิตามินบีช่วยนะครับ

อาการปวดหลัง ปวดเอว ปวดเข่า ปวดข้อเท้า ปวดสะโพกร้าวลงขา
เป็นได้จากหลายสาเหตุมาก
ส่วนมากจะเกิดจากการกดทับเส้นประสาท
แต่ผู้ป่วยอาจไม่รู้ตัว เพราะมันเคลื่อนมาทับก็จะปวด
ไปนวดไปดึงเส้น ทำกายบริหาร หรืออยู่เฉยๆ เส้นอาจคลาย
ก็จะหายปวดไป แล้วพอกลับมาทับอีกก็จะปวดอีก
ต้องหาจุดกดทับให้เจอ ถึงจะรักษาได้ง่าย
ส่วนมากจะกดทับ ช่วงหลัง ช่วงเอว
มันอธิบายยากมากๆ ขอบอก
ปวดข้อเท้า อย่านึกว่ามันเป็นที่ข้อเท้า
มันอาจทับเส้นที่ตรงเอว

ที่รู้เพราะผมเป็นเอง รักษาด้วยตนเอง
ไม่ไปโรงพยาบาลกลัวโดนผ่าตัด
อาการคือ ขับรถนานๆ 3-4 ชั่วโมง
จะปวดหลังมาก แล้วก็มาทำกายบริหาร
มานวด 2-3 วัน มันก็หาย ไม่ได้คิดอะไรมาก
เพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติใครๆ ก็ปวด
เป็นมาหลายปี ประมาณ 5-6 ปี เป็นๆ หายๆ
ช่วงหลังๆ นั้งทำงานนานๆ ก็ปวด
หรือเดินตลาดอยู่ดีๆ เข่าก็หมดแรงไม่มีแรง
ตื่นเช้ามาก็จะปวดข้อเท้า ต้องนั่งนวดก่อน ถึงจะไปทำงานได้
ดูๆ แล้วก็เป็นการปวดเมื่อยทั่วไปใครๆ ก็เป็น

อาการป่วยมาเป็นหนักเลยคือเมื่อปีที่แล้ว ปวดหลังหนักมาก
ก็รักษาเหมือนเดิม กินยา นวดยา ทำกายบริหาร
แล้วมันก็หาย ก็คิดว่าหายแล้วต้องทำร่างกายให้แข็งแรง
ก็ไปวิ่ง ไปออกกำลังกาย ไปกระโดด ผลที่ได้คือ
กลับมาเจ็บหนักกว่าเดิม เพราะกระดูกมันสะเทือน
เคลื่อนไปทับเส้นประสาท ทำอะไรไม่ได้เลยปวดมาก
สาเหตุจริงๆ คือไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร
เพราะนอนได้สะบายสะบายไม่ปวด ก้มได้ เงยได้
ทำงานได้ปกติ ก็คิดว่าไม่ใช่กระดูกทับเส้น
แต่จริงๆ แล้วมารู้ตอนหลังมันทับอยู่ด้านข้างตรงเอว
ร่างกายเรามันจะหลบบริเวณที่เจ็บปวดอัตโนมัติ
มารู้ตัวคือ ตัวผมเอียงไปข้างหนึ่งแล้ว
เดินตัวเอียงเลย การกดทับเส้นประสาทนี้มันปวดได้ทุกอย่าง
ปวดไปถึงข้อเท้า ปวดหัว ปากเปรี้ยวก็ได้
คือเส้นประสาทมันดึงไปได้ทั่วร่างกายเลย วิเคราะห์โรคยากมาก
ใครที่เคยปวดแบบนี้จะเข้าใจระบบร่างกายได้ดีเลย
ปวดหัว ปวดข้อเท้า แต่จุดเจ็บป่วยจริงๆ อยู่ที่ข้างเอว
ถ้าไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเองก็จะไม่เข้าใจเลย
มันจะทำให้การรักษาไม่ถูกจุดมั่วไปหมด

การรักษาที่ผมรักษาคือ
1.ผมรักษาการอักเสบก่อนครับ ไปหาหมอคลีนิก ฉีดยากินยาพวกแก้อักแสบคลายเส้น
สมุนไพรที่กินเสริมการรักษาคือคาวตอง เพราะคิดว่าปวดขนาดนี้น่าจะมีการอักเสบแล้ว
https://www.banplukao.com/kourtongmak.html

2.กินอาหารเสริมแคลเซียม ช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก คิดว่ามันจะช่วยซ่อมกระดูกได้

3.ท่ากายบริหาร ที่จะทำให้เส้นประสาทมันหลุดเข้าที่ ต้องค่อยๆ ทำ
ทำเบาๆ พออาการปวดหายแล้วก็ทำหนักๆ เพิ่มได้

4.ต้องนวด ยังไงก็ต้องนวด บอกเลยทุกอาการต้องนวดถึงจะหาย ยานวดที่มีขายทั่วไป
ผมใช้มาหลายอย่างมาก ส่วนมากนวดแล้ว จะเย็น จะแสบ จะร้อน คือนวดแล้วจะต้องทรมาน
พอดีได้ยานวดขจรมา อันนี้ใช้ดี ไม่แสบไม่ร้อนแต่ได้ผล ยานวดแนะนำให้ใช้ตัวนี้เลย
https://www.kajon.in.th/kajonbodyoil.html

5.กินยาสมุนไพรคลายเส้น ผมใช้เถาเอ็นอ่อนหมอทองอินทร์ อันนี้จำเป็นต้องกินครับ
จะช่วยคลายเส้น เส้นมันจะคลายตัวแล้วหลุดกลับไปอยู่ในที่เดิมของมัน
ที่ใช้สมุนไพรเพราะต้องกินนานหลายเดือนค่อยๆ รักษาไป ไม่อยากจะกินยาแก้ปวด
https://www.banplukao.com/taoenon.html

ผมรักษาตัวเองอยู่ประมาณ 2 เดือนถึงหาย
การทดสอบว่าหายหรือยัง
ปกติผมนอนหงายจะยกขาขึ้นพร้อมกัน 2 ขาไม่ได้
ถ้ายกได้ก็จะต้องงอเข่า ถ้ายกแบบตึงๆ ไม่มีสิทธิ์จะยกขึ้นได้เลย
ต้องค่อยๆ ยกทีละข้าง เพราะเส้นถูกกดทับ
แต่ตอนนี้ยกขึ้นพร้อมกันแบบตึงๆ ได้แล้ว
ส่วนตัวที่เอียงพยายามดัดให้ตรง ไม่ได้ผลนะครับ
แต่เมื่อหายปวดแล้วร่างกายมันก็ค่อยๆ กลับมาตรงเหมือนเดิม

ปัญหาที่หนักมากคือ เมื่อหายป่วยแล้วเราไปทำงานแบบเดิม
ท่าเดิมๆ มันก็จะกลับมาป่วยเหมือนเดิมอีก
ส่วนตัวผมต้องนั่งทำงานทั้งวัน
ปรากฏว่าทำไม่ได้เหมือนเดิม นั่งนานๆ อาการปวดก็จะกลับมา
ต้องเปลี่ยนงานทำใหม่ หางานทำแบบอิสระ
นั่งบ้าง ยืนบ้าง เดินบาง นอนบาง ถึงจะทำได้ในแต่ละวัน

เพราะฉะนั้นใครที่มีอาการปวด
อาการปวดหลัง ปวดเอว ปวดเข่า ปวดข้อเท้า ปวดสะโพกร้าวลงขา
พยายามหาสาเหตุให้เจอ แล้วรีบรักษาแต่เนิ่นๆ ครับ
ส่วนผมสาเหตุน่าจะเกิดจากผมชอบนอนในโต๊ะทำงาน
ย่อนขาลงไปใต้โต๊ะ แล้วนอนบนเก้าอี้ทำให้กระดูกเคลื่อน
ทำงานหลายๆ ปี ท่าเดิมๆ อันตรายครับ
ต้องรีบแก้ไขแต่เนินๆ อายุมากขึ้นจะมีอาการครับ
สุขภาพคือเรื่องสำคัญ ผมเคยวางแผนหลังเกษียณ
จะทำโน้น ทำนี่ แต่พอมาเจออาการป่วยแบบนี้
ทำให้คิดได้ ถ้ารอถึงเกษียณ ร่างกายเราอาจไม่เหมือนเดิม
หรืออาจเจ็บป่วยแบบนี้ เรี่ยวแรงก็น้อยลง
คงเป็นอะไรที่ลำบากมาก จะทำอะไรต้อง
ลงมือทำเลยในเวลาที่เรายังแข็งแรงอยู่
ต้องวางแผนใหม่หลังเกษียญต้องพักผ่อน
ไม่ใช่หลังเกษียญต้องทำงาน

ขอบคุณครับ
เขียนบทความโดย คุณแซม สุขศรี


34

สรรพคุณของ พลูคาว เล่าสู่กันฟัง
ในเรื่องของสรรพคุณพลูคาว แก้เบาหวาน แก้มะเร็ง แก้โรคเอดส์ HIV ต้านไวรัสต่าง ๆ
ที่เข้าใจกันในปัจจุบันคือ ไปเก็บพลูคาวมากินกันแบบสดๆ เลย กินเป็นฝัก
หรือไม่ก็นำใบมาตากแห้งต้มกินเป็นน้ำชา หรือมากกว่านั้นคือทำเป็นยา
นำใบมาตากแห้งบดใส่แคปซูล หรือบางที่ก็นำพลูคาวสดๆ มาสกัดให้เป็นน้ำ
นำมาทำเป็นอาหารเสริม ทำเป็นเครื่องดื่มผสมน้ำผลไม้อะไรก็ว่ากันไป
การรับประทานแบบนี้ก็มีประโยชน์เหมือนกันครับ แต่ในทางการเกิดสรรพคุณจริงๆ ไม่ใช่เลยครับ


ในส่วนของสรรพคุณพลูคาว ที่เรื่องลือกันจริงๆ มันคือน้ำหมักชีวภาพ ที่ใช้พลูคาวหมัก
อันที่จริงน้ำหมักชีวภาพมีมานานแล้วใช้ฝักผลไม้ต่างๆ หมักก็ว่ากันไป น้ำหมักป้าอะไร ก็ว่ากันไป ก็ขายกันไป

สำหรับน้ำหมักพลูคาวที่โด่งดังในช่วงแรก เมื่อปี พ.ศ. 2540 อดีตพระสงฆ์ (อาจารย์ยอด) แห่งสำนักสงฆ์วัดถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่
ได้ริเริ่มทำ น้ำหมักพลูคาว โดยได้ทดลองดื่มเอง และแจกให้แก่ผู้ป่วยที่มาหาที่สำนักสงฆ์ในขณะนั้น ดื่มโดยผู้ป่วยมีหลากหลาย
โรครวมไปถึงผู้ป่วยที่มีโรคร้ายและโรคสิ้นหวัง อีกทั้งสัตว์เลี้ยงต่างๆ ที่ป่วย ปรากฎว่าผู้ป่วยที่ดื่มน้ำพลูคาวมีอาการดีขึ้นตามลำดับ
หายจากโรคร้ายต่างๆ นานาชนิดที่เป็นอยู่ และมีสุขภาพแข็งแรง สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนผู้คนทั่วไป
จึงเริ่มเป็นที่สนใจของนักวิชาการและบุคคลทั่วไป ถึงความมหัศจรรย์ของน้ำพลูคาวในขณะนั้น
และเริ่มมีการกล่าวขานถึงสรรพคุณ ของน้ำพลูคาวกัน อย่าง แพร่หลายนับจากนั้นเป็นต้นมา

ต่อมาจึงมีการหมักน้ำชีวภาพพลูคาวกันอย่างแพร่หลาย สิ่งที่เกิดในกระบวนการหมักคือจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
เกิดจุลชีพ โพรไบโอติกส์ที่ช่วยปรับสมดุลของร่างกายกลุ่มแลคโตบาซิลลัสหรือยีสต์ ที่มีโครงสร้างผนังเซลล์เป็นน้ำตาลเชิงซ้อน
ชนิดเบต้ากลูแคนซึ่งสามารถกระตุ้นไขกระดูกให้ผลิตเซลล์ต้นกำเนิดได้ เซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเชลล์มีคุณสมบัติ
ในการซ่อมแซมอวัยวะที่สึกหรอต่างๆได้ หรือเปลี่ยนเป็นเชลล์นักฆ่าในการทำลายสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย
สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นในกระบวนหมักที่ถูกต้องตามวิธีการ ตามสูตรของแต่ละเจ้าที่แตกต่างกันไป

จะเห็นว่าในกระบวนการหมักจะต้องเกิดองค์ประกอบขึ้นถึงขนาดนี้จึงจะมีสรรพคุณเป็นน้ำหมักพลูคาวที่สมบูรณ์ได้
ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็จะผลิตพลูคาวออกมาจำหน่ายแล้วจะได้สรรพคุณเหมือนกันทุกเจ้าไม่ใช่เลย
สรรพคุณของพลูคาวจริงๆ อยู่ที่ขบวนการผลิต ยิ่งเป็นแบบแคปซูลกระบวนการผลิตจะซ้ำซ้อนมากขึ้น
เพราะต้องหมักให้เกิดองค์ประกอบของจุลชีพที่ต้องการ แล้วนำไปทำให้แห้ง แต่องค์ประกอบของจุลินทรีย์ต้องคงอยู่
และต้องคงอยู่ในสภาพได้นานหลายปีด้วย จึงจะเห็นว่าบางตำรับจะผสมมะขามป้อม สมอไทย เพื่อเสริมฤทธิ์
ที่สำคัญจะช่วยให้คงสภาพของสรรพคุณสมุนไพรที่เกิดขึ้น ให้อยู่ได้นานขึ้นนั้นเอง

ท่านที่อ่านจบถือว่าโชคดีมากครับ จะได้เข้าใจในสรรพคุณพลูคาว
ต้องการใช้จะได้เลือกแหล่งสินค้าไม่ผิด บางคนบอกราคาถูกไปแพงไป
สำหรับผู้ป่วยจริงๆ จะไม่สนใจเรื่องราคาครับสิ่งที่สำคัญคือการหายจากอาการป่วย
ซื้อแบบถูกๆ ไปทานไม่ได้ผล ก็เสียเงินฟรี เสียเวลาในการรักษา มีส่วนเสียมากกว่าเดิมอีกครับ

คำเตือนคำแนะนำ ในปัจจุบัน มีการผลิตพลูคาวขึ้นมาจำหน่ายหลากหลายในแบบยุคสมัยใหม่
โดยการสกัดพลูคาวสดออกมาเป็นน้ำแล้วผสมสมุนไพรต่างๆ หรือนำพลูคาวมาอบแห้ง
แล้วบดใส่แคปซูลผสมตัวยาอื่นๆ แล้วทุ่มโฆษณาอ้างสรรพคุณพลูคาว
ขายในราคาสูงมากๆ เพื่อให้เกิดความเชื้อถือคนส่วนมากจะเชื่อว่าของแพงๆ จะดีกว่าของถูก
หลงเชื้อกันซื้อไปทานแล้วไม่เกิดสรรพคุณตามที่คลาดหมายจะเสียเงินฟรีนะครับ
ลักษณะแบบนี้เป็นการขายทำยอดเอากำไรแบบสั้นๆ ทำยอดขายไม่กี่ปี
ก็จะหายไป พอมีโรคร้ายมีกระแสพลูคาวมาอีก ก็สร้างแบรนด์ใหม่ออกมาอีก
จะเห็นมาแต่สมัย โรคเอดส์ ไข้หวัดใหญ่ โรคอีโบลา มาจนถึงไวรัสโควิด เป็นต้น
35

วันนี้วันพระ วันที่ 27 ธันวาคม 2564
  วันนี้จะขอพูดถึงการสังเกตจิตปรุงแต่ง ให้ทุกคนพอได้เข้าใจ
ถ้าพูดถึงจิตที่ปรุงแต่ง กับ จิตที่ไม่ปรุงแต่ง หรือจิตสงบ หรือจิตเดิมแท้
จะต้องอธิบายกันยืดยาวมาก พูดกัน 4-5 วันก็ยังไม่มีใครเข้าใจ
เพราะผู้เรียนส่วนมากจะยังไม่บรรลุในการปฏิบัติเรื่องของจิตมานั้นเอง

ตัวอย่างเช่น...
วันนี้มีคนมาชมว่า พี่นี่มันสุดยอดจริงๆ เก่งจริงๆ
ทำยังไง ผมจะเก่งเหมือนพี่ได้
....พอหูได้ยินมาแบบนี้ เราจะรู้สึกว่าดี มีความปิติมีความยินดีในใจ
หัวใจพองโต มีความรู้สึกว่าเป็นสุขนั้นเอง....
" แต่ก่อนที่จะมีความรู้สึกว่าเป็นสุขนั้นเอง...
เราตามทันไหมเมื่อหูได้ยินมาเช่นนั้น
จิตมันคิดปรุงแต่งอะไรเสริมเข้าไปบ้าง
ถ้าตามทันจะเห็นว่าจิตมันมีการคิดเสริมปรุงแต่ง
เข้าไปมากมาย ก่อนที่จะเกิดอารมย์เป็นสุขขึ้นมาได้ "

อีกตัวอย่าง...
อยู่ดีๆ ก็มีคนมาพูดว่า..
มึงมันเลวจริงๆ น่าเตะปากจริงๆ
...เมื่อหูได้ยินแบบนี้ จะรู้สึกเคืองโกรธทันที โมโหทันที
" ก็เช่นเดิม ก่อนที่จะถึงเคืองโกรธทันที เราตามทันไหม
จิตมันคิดปรุงแต่งอะไรเสริมเข้าไปบ้าง
ผู้ที่ปฏิบัติจิตมาอย่างดีแล้ว จะนิ่งมาก
คำที่ได้ยินนั้น มันเป็นแค่คำที่สมมุติขึ้นมาเท่านั้นเอง
เมื่อได้ยินมาจิตไม่คิดปรุ่งแต่งอะไร เดี๋ยวมันก็หายไป
แต่ถ้าเผลอให้จิตมันคิดปรุงแต่งไปแล้ว
ก็อาจตามทันไประงับความโกรธนั้นได้
แต่ถ้าเป็นบุคคลทั่วไป ไม่ได้สังเกตอะไร
!..ส่วนทางไปด้วยกำลังมัดกำปั้นทันที..!
สิ่งที่จะตามมาก็คือการเสียทรัพย์สิน
หรือไม่ก็เสียชีวิตไปพร้อมๆ กันนั้นเอง "

การอธิบายนี้ เป็นการอธิบายแบบทางลัดย่อๆ
เพราะทุกวันนี้ผู้คนจะอ่านกันไม่เกิน 5 บรรทัด
แค่นี้ก็ถือว่ายาวไปแล้ว ไม่ได้ใช้คำศัพท์ใดๆ
เพื่อให้ชาวบ้านทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย
แต่ขอมีนิดหนึ่ง
อกุศลมูล 3 โลภะ-โทสะ-โมหะ รากเหง้าของความชั่ว
สิ่งที่ละได้ยากที่สุดของผู้ปฏิบัติคือ โทสะ
แต่ถ้าเราฝึกสังเกตการปรุงแต่งของจิตได้
จะสามารถระงับ โทสะ ได้ดีและรวดเร็ว


ขอเสริมอีกนิดการศึกษาไม่ว่าจะอ่านหนังสือกี่เล่ม
ฟังบรรยายไปแล้วกี่รอบ แต่ไม่มีการฝึกปฏิบัติ
จะไม่มีวันเข้าถึงธรรมชาตินั้นได้
.....................................................................

            สาธุ
36
แผลของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจะหายช้ากว่าปกติ
ซึ่งถ้าดูแลไม่ดีจะทำให้เพิ่มโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน
เป็นเหตุให้ "แผลติดเชื้อ" เกิดแผลลุกลาม
อาจต้องตัดส่วนเนื้อตัดอวัยวะส่วนนั้นทิ้ง
สถิติการรักษาแผลนี้ เป็นการติดตามเก็บตัวอย่างของผู้ป่วย
โดยทีมงานวิจัยผู้ผลิตคาวตองแคปซูล เพื่อเป็นกรณีศึกษา

แผลเบาหวานผู้ป่วยอายุ 39 ปี ใช้เวลารักษา 3 เดือน


แผลเบาหวานเรื้อรัง เป็นมา 7 ปี อาการร่วม เบื่ออาหาร นิ่วในไต ไตวายระยะที่ 3 ใช้เวลารักษาเกือบ 2 ปี อาการดีขึ้น


แผลเบาหวานผู้ป่วยอายุ 55 ปี หลังจากกินคาวตองนาน 376 วัน แผลหายดีขึ้นมาก


แผลเบาหวานคุณยายผู้สูงอายุ แผลเบาหวานปิดสนิทเมื่อกินคาวตองครบ 368 วัน


แผลเบาหวานผู้ป่วยอายุ 82 ปี แผลเบาหวานเรื้อรังในผู้ป่วยเบาหวานชาย หลังกินคาวตองนาน 105 วัน


แผลเบาหวาน+กดทับ ผู้ป่วยเบาหวานอายุ 82 ปี หลังกินคาวตองนาน 105 วัน


จากกรณีศึกษาพบว่าคาวตอง หรือพลูคาว สามารถช่วยให้แผล
ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานหายได้เร็วขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าแผลผู้ป่วยบางท่าน
ไม่มีหลทางรักษาแล้วแต่คาวตองสามารถทำให้หายได้

หมายเหตุ สมุนไพรคาวตองจากการศึกษาพบว่าช่วยให้แผล
ผู้ป่วยรุ่นแรงหายได้ แต่อาจไม่ใช่กับทุกคน
ภาพที่นำมาลงนี้เก็บบันทึกไว้เพื่อกรณีศึกษาเท่านั้น
37
หยุดสามวัน ก็ยังไม่อยากไปไหน
เพราะไวรัส ระบาด มีข่าวแบบกลายพันธ์มาอีกแล้ว
ฉีดวัคซีนครบแล้วก็ติดได้
ดูเหมือนธรรมชาติจะรุนแรง
ตอนแรกมีวัคซีนเข้ามา..ฉีดแล้ว
ก็บอกว่ามีไวรัสกลายพันธ์
วัคซีนที่ฉีดไปแล้วป้องกันเดลต้าไม่ได้
ต้องไปฉีดอีกแบบหนึ่ง
ก็เกิดการถกเถียงกันว่า..ทำไม..
ทำไมไม่จัดหาวัดซีนดีๆ มาฉีด..ด่ากันไปด่ากันมา
แต่อยู่ๆ ก็มีไวรัสโมโหกลายพันธ์มาอีกเป็นโอไมครอน
มีข่าวว่า..ฉีดวัคที่มีอยู่ทั้งหมด..อาจป้องกันไม่ได้
ต้องวิจัยผลิตแบบใหม่ออกมาอีก
โอ้...อนิจจัง ทุกสิ่งไม่เที่ยงจริงๆ
ดูเหมือนทฤษฎีผลประโยชน์จะรุนแรงกว่าธรรมชาติเสียอีก

ในทางกลับกันในเรื่องของธรรมชาติ
มีแค่ 2 อย่าง คือเกิดกับดับ
ควบคุมโดยเวลา..ว่า..จะช้าหรือเร็ว
ไม่มีอะไร..เกิดมา..ตั้งอยู่..แล้วไม่ดับไป
สิ่งที่จะเกิดจะต้องเกิด สิ่งที่จะดับก็ต้องดับ
มนุษย์ไม่สามารถห้ามได้
แต่สิ่งที่มนุษย์ทำได้คือเปลี่ยนเวลาของมัน
อาจทำให้มันเกิดเร็วขึ้น..หรือดับเร็วขึ้นได้
แต่ยังไงมันก็ต้องเกิด มันก็ต้องดับ

แต่ในเบื้องลึกของมันแล้ว..ธรรมชาติก็ยัง
ทำงานไปโดยธรรมชาติของมันอยู่
อาจมีสักวันหนึ่งที่ไวรัสจะกลายพันธ์ไปอีกแบบหนึ่ง
แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่รุนแรง
ร่างกายของมนุษย์สามารถสร้างภูมิคุ้มกัน
ขึ้นมาต่อสู้ได้ แถมภูมิคุ้มกันนั้นอาจสามารถ
ต่อสู้กับไวรัสได้ทุกสายพันธ์ที่เกิดมาก่อนหน้านั้นก็ได้
แล้วไวรัสก็ดับไปจากโลกนี้อย่างรวดเร็ว ทิ้งความทรงจำไว้
ทฤษฎีผลประโยชน์อาจทำร้ายใครก็ได้
โอ้...อนิจจังทุกสิ่งมันไม่เที่ยงจริงๆ

05/12/2021
38
พระสงฆ์ ที่ผมตามหา กระทู้แรกขอเขียนเรื่องพระสงฆ์ที่ผมตามหา
พระสงฆ์ หมายถึง หมู่สาวกของพระพุทธเจ้า ผู้ซึ่งฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้วเลื่อมใส
สละเรือนออกบวช ถือวัตร ปฏิบัติ ตามพระธรรมวินัยที่พระบรมศาสดาสั่งสอนและกำหนดไว้

แล้วพระสงฆ์ ที่ผมตามหา เป็นอย่างไร
เป็นบุคลที่สละเรือนออกบวช ถือวัตร ปฏิบัติ ตามพระธรรมวินัยที่พระบรมศาสดาสั่งสอน
คือบวชแล้วต้องละทางโลก ลดกิเลส คืออะไรที่ทำให้จิตเศร้าหมองต้องลด
เบื้องต้นคืออย่างน้อย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ทุกข์ ต้องละได้แล้ว
มุ่งมั่นศึกษาคำสอนของพระบรมศาสดา แล้วปฏิบัติ
อย่างน้อยเลยคือต้องรักษาศิล 5 ให้ได้อย่างบริสุทธิ์ ศีล 227 ข้อยังไม่ต้องกล่าวถึง

ตอนเย็นก่อนจำวัดสวดมนไหว้พระ ปฏิบัติธรรม
ตื่นเช้าขึ้นมาสวดมนไหว้พระ ออกบิณฑบาตรับการถวายภัตตาหาร
รับบิณฑบาตแค่เพียงพอฉันในวันนั้น แล้วกลับวัด
ถ้ามีแบบนี้จริงใครได้ใส่บาตรกับพระสงฆ์องค์นี้ ถือว่าได้บุญมากมหาศาล
พระสงฆ์แบบนี้ในหมู่บ้านตามชนบทยังมีอยู่
เมื่อรับบิณฑบาตเต็มบาตรแล้วท่านจะไม่รับ
ชาวบ้านจะเข้าใจดีต้องตื่นแต่เช้ามาเตรียมใส่บาตร
ถ้าตื่นสายจะใส่ไม่ทันหลวงพ่อจะเดินไปเรื่อยๆ
เต็มบาตรแล้วจะเดินกลับ ขากลับจะไม่รับบิณฑบาตแล้ว
สรุปพระสงฆ์ที่ผมตามหาก็มีเพียงเท่านี้...

ต้องเข้าใจสาเหตุของการออกบวชพระสงฆ์มีเหตุผลที่แตกต่างกัน
1.ท่านออกบวชเพราะเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ตั้งใจจะบวชเพื่อปฏิบัติธรรม
2.ท่านออกบวชเพราะอยากจะศึกษาต่อในสมัยก่อนพ่อแม่ไม่มีเงินส่งเสีย
ไม่มีกำลังทรัพย์ส่งให้เรียน ก็จะให้บวชเรียนเพื่อลดค่าใช้จ่าย
3.ท่านออกบวชตามประเพณีเพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่
4.ท่านออกบวชเพราะความจำเป็นในชีวิต ไม่มีที่ไปแล้วจำเป็นต้องบวชเพื่อเลี้ยงชีพ
5.ท่านออกบวชตามกระแส บวชตามการชักชวน ตามกิจกรรมประเพณี
6.ท่านออกบวชเพราะโดนบังคับ เช่นติดสุรา ติดการพนัน ญาติพี่น้องก็อยากจะให้บวชเพื่อศึกษาพระธรรม

จะเห็นว่าสาเหตุของการออกบวชก็มีหลายๆ สาเหตุ มีหลายเหตุผล
จะให้พระสงฆ์ทุกรูปปฏิบัติเหมือนกันคงไม่ได้
ในสมัยก่อนท่านออกบวชเพราะอยากได้ของดีก็มี
เมื่อก่อนมีหลวงพ่อดังๆ มีของดีมีคาถาอาคม
ก็จะมีผู้ขอบวชติดตามเพื่อศึกษากับท่านเพื่อจะเอาของดีกับท่านก็มี

การรับบิณฑบาตก็มีหลายปัจจัย
พระสงฆ์บางรูปก็มีภาระ มีความจำเป็น
อาจมีพระสงฆ์อาพาธอยู่ที่วัดท่านต้องรับบิณฑบาตไปเผื่อ
หรือที่วัดมีเด็กวัดมากมายที่รอกินข้าวไปโรงเรียนก็มี
หรือที่วัดเป็นโรงเรียนวัดก็มีเหมือนกัน
หรือรอบๆ วัดอาจเป็นชุมชนยากจนก็เอาไปแจกได้เหมือนกัน
เราจึงจะเห็นปล่อยๆ ที่พระออกบิณฑบาตจะมีเด็กวัดเดินตาม
ช่วยถือของ หรือบางรูปก็มีรถเข็นใส่ของเลย
ไม่ใช่แค่คนเพราะบางวัดก็มีหมาแมวมากมาย
ที่ชาวบ้านเอาไปปล่อยไว้ดูแล
ก็ต้องพิจารณากันไปเป็นเรื่องๆ ตามยุคสมัย

พระสงฆ์รับเงินได้ไหม อันนี้ชอบถามกัน
คือยุคสมัยมันไม่ให้ ยังไงก็ต้องรับ
ประสบการณ์ที่ผมเคยบวช สมัยก่อน
ยุคนั้นยังไม่มีมือถือนะพระยังไม่ได้เล่นเน็ต
ยังไม่มีโซเชียล พระเณรยังไม่ได้เรียนออนไลน์
ยังต้องใช้เงินเลยครับ
สบู่ ยาสระผม ผงซักผอก หมดแล้วจะไปขอที่ไหน
ของมันต้องใช้ นม โอวัลติน ช่วงเย็นต้องกิน
สมุด ดินสอ ปากกา ไม่มีก็ต้องซื้อเหมือนกัน
แต่ก็อาจเป็นไปได้บางวัดจัดการดี
อาจเตรียมไว้ให้เป็นส่วนกลาง

จริงๆ อยากจะเขียนแค่พระสงฆ์ ที่ผมตามหา
แต่สมัยนี้มันยาก จริงๆ ที่จะเจอ ก็เลยต้องขยายความ
ให้ผู้อ่านเข้าใจมากขึ้น ว่าสภาพปัจจุบันเป็นยังไง
เพื่อให้เข้าใจความเป็นอยู่ของสงฆ์ให้มากขึ้น
39
บันทึกธาลัสซีเมีย เพื่อเก็บไว้เป็นกรณีศึกษาเพียงเท่านั้น

ธาลัสซีเมีย น้องปุ๊บปั๊บ  อายุ 5 ปี อยู่ที่ ม.2 ต.โพนทอง
อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม เป็นโรคโลหิตจาง (ธาลัสซีเมีย)
มีอาการไข้ถ้ากินอะไรเยอะจะมีไข้ขึ้นมาทันที กินอะไรมากไม่ได้เลย
ทั้งข้างและนม เดินไกลๆจะมีอาการเหนื่อยหอบ  อารมณ์หงุดหงิด
ไม่ร่าเริง ท้องใหญ่ ตัวเหลือง หมอบอกว่าโรคนี้เป็นแล้วไม่มีวันหาย
จึงได้ทดลองกินน้ำสมุนไพรคาวตองตอง กิน 5 ซีซี
หลังจากที่กินมาได้ซักระยะหนึ่ง ปรากฏว่าน้องอาการดีขึ้น กินข้าว
กินนมได้เยอะโดยไม่มีอาการไข้ ไม่เหนื่อยหอบ  อารมณ์ดี
ร่าเริงแจ่มใสขึ้น รู้สึกดีใจที่สุด  ที่น้องอาการดีขึ้นๆ

ธาลัสซีเมีย น้องตุ้ย อายุ 10 ปี ที่อยู่ 140 อ.ซัมซุง  จ.ขอนแก่น
เป็นโรคโลหิตจาง (ธาลัสซีเมีย) มา 3 ปี ตอนแรกนึกว่าเป็นไข้ธรรมดาเพราะมีไข้สูงมาก
ไปหาหมอจึงรู้ว่าเป็นโรคโลหิตจาง (ธาลัสซีเมีย) รักษาอาการป่วยมาตลอด
อาการก็ไม่ดีขึ้นเพราะต้องได้เติมเลือดทุกๆเดือน ตัวซีด เหลือง หายใจเร็ว
อาบน้ำนาน หรือกินน้ำเย็นก็ไม่ได้ ไข้จะขึ้นทันที จึงตัดสินใจลองซื้อน้ำสมุนไพรคาวตองตอง
มาให้น้องกิน หลังจากที่กินไปได้ประมาณ 3 วัน อาการน้องดีขึ้น ดูหน้าตาสดใส
ดูมีเลือดฝาดไม่ซีดเหลืองเลย  ร่าเริงแจ่มใส  เกร็ดเลือดดีขึ้น

เลือดจาง คุณสมควร  อายุ  29   ปี  99/89 อ.เมือง จ. จันทบุรี 
เป็นพาหะธาลัสซีเมีย เวลามีประจำเดือนจะปวดท้อง ปวดหลังรุนแรง 
อาการเลือดจางมีอาการไม่มาก มีตัวเหลืองซีด เวลาปวดประจำเดือน
เลือดสีเข้ม จะปวดจนทำงานไม่ได้ ปวด 1-2 วัน ปวดหลังทำให้เวลาทำงานจะปวดมาก
ต้องใช้ยาหม่องนวดทั้งวันก็ไม่ดีขึ้น ปวดท้องเวลากินอิ่มจะปวดมากไปหาหมอก็วินิจฉัยไม่ได้
กินคาวตองแล้วดีขึ้น อาการปวดที่เอวดีขึ้นใน 1 สัปดาห์
พร้อมๆ กับการปวดที่กล้ามเนื้อแขนที่อักเสบก็หายไปด้วย
เนื่องจากไปหาหมอก็ไม่เคยหาย ผิวที่เหลืองก็ดีขึ้น

ธาลัสซีเมีย อ.น้อง อายุ 48 ปี อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เป็นธาลัสซีเมีย
โรคหัวใจ เลือดจาง กินยามาตั้งแต่เด็ก ขาดยาตัวจะบวม เป็นไมเกรน
โรคหัวใจทำให้ตกใจง่าย ใจเต้นไม่เป็นระส่ำ วันหนึ่งตาไม่ค่อยดี
กินสารสกัดคาวตองไปครั้งแรกตาก็แจ่มใสขึ้น กินสารสกัดคาวตองไป 1 เดือน
อาการไมเกรนและโรคหัวใจหายไป ร่างกายแข็งแรงเป็นปกติแล้ว
ไม่ต้องกินยาสำหรับธาลัสซีเมียอีกต่อไป

ธาลัสซีเมีย พระโกวิน  อายุ 51 ปี วัดดอนมะกอกล่าง ม.3 ต.ปากน้ำปะแส 
อ.แกลง จ.ระยอง ป่วยเป็น โรคโลหิตซีจาง (ธาลัสเมีย) ตับอักเสบ
กระดูกทับเส้น กระดูกหลังคด  เป็นธาลัสซีเมียมานาน 10 ปี
เริ่มแรกป่วยจากไข้มาลาเรียก่อนเนื่องจากเชื้อไปกินเม็ดเลือดจนซีด
ทำให้กลายเป็นโรคโลหิตจาง จะมีอาการเวียนหัว ตัวซีด เหลือง
เวลาเดินจะรู้สึกปวดขามาก และเป็นไข้บ่อยมาก 2-3 ครั้ง/เดือน
อาการจากกระดูกทับเส้นก็ทำให้ไม่สามารถบิณฑบาตรได้เลย
เพราะปวดขาขาซ้ายจะชาไป หมด โรคตับอักเสบก็ทำให้ปวดจุกแน่นหลังมาก
หลังจากที่ได้กินน้ำสมุนไพรคาวตองตองไปแล้ว มีอาการกระทุ้งคือ
นอนไม่หลับ เท้าบวม ประมาณ 7 วัน หลังจากนั้นก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ 
อาการของโลหิตจางก็ดีขึ้นมากแล้วไม่วิเวียนหัว ไม่เป็นไข้บ่อย
โรคกระดูกทับเส้นก็ไม่ค่อยปวดหลังแล้ว
อาการทั้งหมดที่ดีขึ้นนั้นกินไปได้เพียง 2 ขวด ครึ่งเท่านั้น

ธาลัสซีเมีย แม่ประดับ  อายุ 57 ปี บ้านเขาหินกลิ้ง อ.ไพสาลี จ.สุพรรณบุรี
เป็นเบาหวาน ความดัน ธาลัสซีเมีย -ให้เลือดเป็นบางครั้งๆละ 3 ถุง
กินน้ำอัดลมเลือดจะต่ำทุกที ให้เลือดมา 3-4 ปีแล้ว ให้ปี ละ 3 ครั้ง 
เบาหวานสูงถึง 230 ทำให้เพลีย หิวน้ำ ปัสสาวะบ่อย ปวดขามาก
ต้องจ้างหมอนวดมานวด 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ความดัน 160-170
หลังจากกินคาวตองฯประมาณ 2 เดือนแล้ว ค่าเลือดดีมาก(19-25)
ไม่ต้องให้เลือดอีกนาน 3 เดือนแล้ว ระดับน้ำตาลวัดได้ 144
ไม่เพลียแล้ว ทำงานได้ถึงตี 1 ก็ไม่เพลีย ความดันเหลือ 120-130

ข้อมูลนี้ได้บันทึกไว้โดย อาจารย์ เภสัชกรอุดม รินคำ
ผู้วิจัยและผลิตสมุนไพรคาวตองมาอย่างยาวนาน
และจดสิทธิบัตรไทย กรรมวิธีการผลิตพลูคาวแคปซูล เลขที่ 10481
ซึ่งเป็นขบวนการผลิตเฉพาะของ พลูคาวแคปซูล ยูเอสเอส (ตรายูโฟ)
USS Dietary Supplement product (UFO Brand)


คุณแซม สุขศรี เว็บมาสเตอร์ ได้ขออนุญาต
นำข้อมูลมาเผยแพร่ต่อ เพื่อให้เป็นประโยชน์กับผู้ใช้คาวตอง
ซึ่งเป็นสมุนไพรไทย ที่ควรได้รับการสนับสนุนและส่งเสริม
40
มีหลายคนสงสัยว่าคาวตองฯที่พัฒนาขึ้นมานี้แอบผสมยาสเตียรอยด์หรือเปล่า
เนื่องจากช่วยทำให้อาการปวดรุนแรงเรื้อรัง ต่างๆ หายไปเร็วมาก
มีคนในวงการก็แก้ต่างไปว่าไม่ใช่แน่นอนหากมีสเตียรอยด์คนป่วยเบาหวาน
น้ำตาลจะเพิ่มแต่กรณีของคาวตอง น้ำตาลในเลือดกลับลดลง
หน้า 1 2 3 4 5 6 7